วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การประเมินการอาจารย์ผู้สอนวิชานี้

การประเมินการอาจารย์ผู้สอนวิชานี้


การประเมินอาจารย์ผู้สอนวิชานี้
ให้นักศึกษาเขียนประเมินอาจารย์ผู้สอนในประเด็นดังนี้
1.ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชานี้
ตอบ
-ได้รู้เกี่ยวกับปรัชญาการศึกษา  รูปแบบการศึกษา
-ได้รู้วิวัฒนาการการศึกษาของไทยตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน
-ได้เรียนรู้ความเป็นครูที่ดี คุณค่าของครู การดำเนินชีวิตในแบบของครู
-ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติและระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
-ได้ทราบถึงความคิดเห็นหรือทัศนะเกี่ยวกับการศึกษา
-ได้นำความรู้จากการเรียนวิชานี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
2.การนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนักศึกษาเห็นว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ตอบ
ข้อดี
-สะดวกและรวดเร็วในการเรียนการสอน
-ทำให้นักศึกษามีความสนใจที่จะทำงาน ทำการบ้านที่อาจารย์สั่งมากขึ้น
-ข้อมูลไม่สูญหาย เมื่อมีข้อผิดพลาดในการส่งงาน ก็สามารถนำไปอ้างได้
-เมื่อต้องการแก้ไขข้อมูล ก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีรอยสกปรกเหมือนในกระดาษ
-ทำให้มีความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับนำเสนองานลงในบล็อก
ข้อเสีย
-เมื่อมีปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทำให้การเรียนล่าช้า
3.บอกความรู้สึกต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เว็บบล็อก
ตอบ  ตัวนักศึกษาเองคิดว่าการจัดการเรียนการสอนแบบนี้ดีต่อตัวเรา ทำให้เรานำเสนองานในเว็บบล็อกเป็น ทำให้งานที่ส่งอาจารย์มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และอีกอย่างหนึ่งก็คือสะดวกและรวดเร็ว
4.ถ้าประเมินอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ เกรด A,B,C จะให้ระดับใด เหตุผล
ตอบ เกรด A เพราะว่าการสอนของอาจารย์เป็นการให้ความรู้ ความเข้าใจ ถึงหลักความเป็นครูในอนาคต(วิชาชีพครู) การสอนของอาจารย์มีความน่าสนใจ โดยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับการสอน เลือกวีดีโอที่เกี่ยวกับการศึกษาที่น่าสนใจและมีความหลากหลายมาสอน เพราะจะทำให้นักศึกษาสนใจมากกว่าตัวหนังสือธรรมดา ทำให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น และการสอนของอาจารย์ก็เต็มที่กับการสอน  นักศึกษาสามารถนำไปปฏิบัติเป็นแบบอย่างได้

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ครูในดวงใจ



ครูในดวงใจ
     
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นายธรรมศักดิ์ จันทวาส
ชื่อเล่น ครูธรรม
เกิดวันที่ 21 มกราคม 2519 อายุ 40ปี 
ที่อยู่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา
คติประจำใจ  ความผิดพลาดในอดีต คือบทเรียนสำหรับอนาคต
ประวัติการศึกษา :  ม.6   โรงเรียนสทิงพระวิทยา
ปริญญาตรี ศึกษาศาสตร์  สาขาคณิตศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ
ปริญญาโท ศึกษาศาสตร์  สาขาคณิตศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ
https://scontent-hkg3-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xtf1/v/t1.0-9/สถานที่ทำงาน : โรงเรียนเขาพังไกร  ต.เขาพังไกร  อ. หัวไทร   จ.  นครศรีธรรมราช  80170


ได้รับตำแหน่งครู ชำนาญการพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2555
อุดมคติของการเป็นครู
คำว่าครูอย่างแท้จริง ครูใช่ว่ามีหน้าที่สอนอย่างเดียว ครูต้องค่อยดูแลเด็กนักเรียนอยู่ตลอดเวลาเปรียบเสมือนผ้าข้าว ที่คอยให้เราเติมแต่งสีสันลงไป ครูต้องคอยชี้นำแนวทางให้นักเรียนไปในทางที่ดี หากลูกศิษย์ได้ดีครูก็ยิ่งดีใจเป็นอย่างยิ่ง
วิธีการสอนนักเรียน
อธิบายให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาอย่างแจ่มแจ้ง เป็นครูที่สอนอย่างละเอียดมาก เมื่อสอนเสร็จแต่ล่ะเรื่อง ก็จะถามนักเรียนว่าเข้าใจไหม ใครไม่เข้าใจตรงไหนบ้างให้ยกมือขึ้น หรือแม้แต่ตอนที่เป็นเวลาพักของท่าน เมื่อนักเรียนมีปัญหาอะไร หรือไม่เข้าใจอะไรตรงไหน  ท่านก็เต็มใจสอนทุกครั้ง และเกือบทุกครั้งที่ท่านมีงานของท่านอยู่ แต่ท่านยอมสละทิ้งงานของตัวเอง แล้วมาอธิบายมาสอนให้นักเรียนจนเข้าใจ
ปฏิสัมพันธ์
อาจารย์เป็นบุคคลที่เป็นกันเองมากๆ เข้าหานักเรียน และเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งที่นักเรียนรักและชอบเข้าหา ชอบปรึกษาด้วย ท่านรู้จักนักเรียนทุกคนในโรงเรียน แต่ก็เนื่องด้วยโรงเรียนเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เป็นโรงเรียนระดับตำบล จึงทำให้ครูและนักเรียนมีความสนิทสนมกันมาก
คิดอย่างไรกับการมาเป็นครู
ท่านคิดถูกมาตลอดกับการมาเป็นครู ได้มาให้ความรู้แก่ผู้เด็ก ได้ให้สิ่งดีๆแก่เด็ก ได้เป็นแบบอย่างที่ดีของเด็ก ท่านมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่โรงเรียน ได้อยู่กับเด็ก
ข้อคิดในการใช้เวลา
เมื่อถึงเวลาเล่นก็เล่น   เมื่อเวลามีกิจกรรมก็ทำอย่างสนุกสนาน เมื่อถึงเวลาเรียนก็เรียนรู้อย่างเต็มที่
แนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขและสำเร็จ
1.ใช้ชีวิตเรียบง่าย  อย่าพยายามทำชีวิตให้สับสนวุ่นวาย และยุ่งยากเกินจะเข้าใจโดยไม่   จำเป็น
2.ปฏิบัติตามแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง
3.ส่งรอยยิ้ม
4.มองความทุกข์คือครูที่ให้บทเรียนแก่ชีวิต  ความทุกข์จะทำให้เราได้เรียนรู้ความผิดพลาดที่  เกิดขึ้น รวมทั้งให้พลังแฝงในการเอาชนะความยากลำบากต่างๆ เพื่อก้าวข้ามเรื่องทุกข์ร้อนทั้งหลาย
5.ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
6.ให้อภัยตัวเอง
สิ่งที่อยากฝากถึงนักศึกษาวิชาชีพครู

        เมื่อคุณคิดว่าคุณมีความพร้อมทั้งความรู้ความสามารถ  ความรักในวิชาชีพ  ความรักและความเมตตานักเรียน  พร้อมที่จะพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในขณะเดียวกันกับการอนุรักษ์สิ่งที่มีคุณค่าไว้  คุณก็จะเป็นครูที่ดีได้

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทดสอบกลางภาคเรียน


ทดสอบกลางภาคเรียน
1.แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ตอบ การศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน เป็นการจัดการศึกษาที่ไม่มีระบบและแบบแผน คือ ไม่มีระบบโรงเรียน และชั้นเรียน วัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอนเพียงเพื่อประกอบอาชีพ วิชาความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดไม่มีการจดบันทึกไว้ ใช้ความสามารถในการท่องจำมากกว่า จึงทำให้การศึกษาไม่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม  โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดของการศึกษามีดังนี้
    - ความเชื่อดั้งเดิมของคนไทย   การเรียนวิชามากกว่าที่จะเรียน หนังสือ
    -พุทธศาสนา ชายไทยส่วนใหญ่ก่อนที่จะมีครอบครัว จะต้องบวชเรียน
    -สภาพการเมืองและสังคม คนไทยให้ความสำคัญในการทำสงครามมากกว่าเรียนหนังสือ
    -สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ประชากรน้อย มีความสนใจ ด้านผลผลิตมีน้อยมาก
    -การศึกษาหรือการเล่าเรียนหนังสือ ในสมัยโบราณเป็นเรื่องของคนชั้นสูงและ ผู้จะบวชเรียนเท่านั้น อาจเพราะมีความจำเป็นสำหรับเลี้ยงชีพ
2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยา การจัดการศึกษาเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรอธิบาย
ตอบ  ต่างกัน โดยสมัยสุโขทัย มีวัดเป็นสถานศึกษา สถานที่เรียนคือ หอฉันท์ การสอนเรียกว่า การต่อหนังสือ กําเนิดอักษรไทยครั้งแรกคือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช  ไม่มีการติดต่อกับฝรั่งชาติตะวันตก   สมัยกรุงศรีอยุธยา มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนา มีการติดต่อกับฝรั่งชาวต่างชาติ และมีการประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทย และแต่งแบบเรียนคือ จินดามณี เล่มแรกของไทย
 3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
ตอบ   -แนวคิดและวิทยาการต่างๆ ของชาติตะวันตก
        -ภัยจากการคุมคามของประเทศมหาอำนาจ
        -โครงสร้างของสังคมไทยได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีการเลิกทาสและมีการติดต่อกับต่างประเทศมากขึ้น วัฒนธรรมแบบอย่างตะวันตกได้แพร่หลายจึงจำเป็นต้องการปรับปรุงการศึกษา
4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีความก้าวหน้าอย่างไร
ตอบ การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น เริ่มนำวิทยาการใหม่ ๆ จัดพิมพ์ตำราเรียน เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยต่อไป
5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ เกิดในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
ตอบ แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ จินดามณีเกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีที่มาจากการที่สำนักหมอสอนศาสนาเริ่มมีบทบาทในการเรียนการสอนหนังสือมากขึ้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์อยู่ไม่น้อยดังที่พยายามจัดทำแบบเรียนให้เป็นมาตรฐานเพื่อใช้ในการสอนหนังสือแก่เยาวชนไทย พระโหราธิบดีจึงได้แต่งแบบเรียนชื่อ จินดามณีนับว่าเป็นแบบเรียนเล่มแรกของไทย
6.การจัดการศึกษาภาคบังคับ มีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ การจัดการศึกษาภาคบังคับ เป็นการศึกษาที่มีความรู้ทั้งฝ่ายสามัญศึกษาและวิสามัญศึกษา มีจุดมุ่งหมายเพื่อรับผิดชอบชั่วดี นำวิชาไปประกอบอาชีพและการเป็นพลเมืองดี เป็นกฎการกำหนดให้เยาวชนได้รับการศึกษา ส่งเสริมให้มีการจัดการศึกษาให้ทั่วถึง และพยายามให้คนไทยได้เรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น เพื่อให้ประเทศชาติพัฒนาเท่าทันประเทศที่เจริญแล้ว
7.การจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษา เป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ มาติกาศึกษาคือการศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัด มีอยู่ 8 มาติกา คือ
       1. ตำบลที่เล่าเรียนคือที่ตั้งของวัด
       2. โรงเรียนคือ ที่เรียนในวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ กุฏิและวิหาร
       3. นักเรียนและครู มี 3 ประเภทคือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
       4. เวลาเรียนคือ ตอนพระว่าง
       5. เครื่องเล่าเรียนคือ กระดานชนวน ดินสอพอ กระดาษข่ายและปากกาไม้ไผ่ เป็นต้น
       6. วิชาหนังสือคือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
       7. วิชาเลขคือ เลขคณิตวิธีต่าง ๆ
       8. ข้อบังคับการเรียนคือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย
8.การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามารับราชการ เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ เพื่อที่จะได้มีความทัดเทียมกับต่างประเทศ
9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ เห็นด้วย เพราะ การปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบันทำให้ประเทศไทยได้ก้าวไปสู่ระบบเทคโนโลยี  สามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ระบบการศึกษาไทยจะต้องมีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ โดยผลิตบุคลากรให้มีคุณภาพที่สนองความต้องการและความพึงพอใจของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม มีการสร้างประชากรของประเทศที่มีคุณภาพ
10.ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไร
ตอบ การจัดการศึกษาเตรียมเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่
สำคัญคือ สร้างความตระหนัก หลักสูตรระดับประถมศึกษาและ
มัธยมศึกษา เตรียมบุคลากรครูและนักเรียนเพื่อรองรับ และขยายโอกาสทางการศึกษา ที่สอดคล้องกับตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์

วีดีโอการศึกษา


วีดิโอการศึกษา

1.       ชื่อเรื่อง : ผมเกลียดโรงเรียน แต่รักการศึกษา
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : การศึกษาไม่ได้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว การศึกษาไม่ใช่การยัดเยีอดอะไรลงไปในสมอง การศึกษาไม่ใช่การท่องจำข้อมูลตามตำราเพื่อให้สอบผ่าน การศึกษาเปรียบเสมือนกุญแจอาจารย์ผู้สอนไม่เคยให้นักเรียนคิดนอกกรอบหนังสือ เมื่อคุณคิดนอกกรอบคำตอบของคุณก็จะผิด ลองหันมามองบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับต้นๆของโลกดู พวกเขาเหล่านั้นล้วนไม่มีใครเรียนหนังสือจนจบปริญญาด้วยซ้ำ แต่พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้เพราะพวกเขามีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
ข้อคิดที่ได้ : คนที่ประสบความสำเร็จเค้ารู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ สามารถพัฒนาต่อยอดได้ เขาหาความรู้เข้าตัวตลอดในสิ่งที่การศึกษาไม่สามารถให้เขาได้" เวลาทุกวินาที มีค่าเสมอ"
2.       ชื่อเรื่อง : สตีฟ จ๊อบส์
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : สตีฟ จ๊อบส์ กล้าที่จะตัดสินใจ แน่วแน่ในสิ่งที่จะทำ โดยกล่าวว่าไม่มีใครสามารถเชื่อมจุดจากปัจจุบันไปยังอนาคตได้ เราทำได้เพียงเชื่อมจากปัจจุบันไปหาอดีตเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าอะไรที่ทำอยู่ตอนนี้จะเชื่อมไปเองในอนาคต  ต้องเชื่อมั่นในอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณ โชคชะตาชีวิต กฎแห่งกรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ ความมั่นแบบนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง และมันทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก   บางครั้งจุดที่คุณคิดว่าล้มเหลวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆ และถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต สักวันหนึ่งคุณจะได้เป็นในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแน่นอน
ข้อคิดที่ได้ : เวลามีจำกัด ดังนั้นอย่าทำให้มันเปล่าประโยชน์ด้วยการใช้ชีวิตของคนอื่น อย่าตกเป็นทาสของกฎเกณฑ์ นั่นคือการใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น อย่าปล่อยให้เสียงของทัศนคติคนอื่นดังกลบเสียงของหัวใจของเราเอง และที่สำคัญที่สุดคือ จงมีความกล้าที่จะเดินตามสิ่งที่หัวใจและสัญชาตญาณเรียกร้อง เพราะสองสิ่งนี้รู้อยู่แล้วว่าคุณอยากเป็นอะไร ทุกอย่างที่เหลือเป็นเรื่องรองลงมาทั้งนั้น
3.       ชื่อเรื่อง : บิล เกตต์
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : 11 สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ
  กฎข้อที่ 1 : ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ!
  กฎข้อที่ 2: โลกไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง ความสำเร็จที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก
  กฎข้อที่ 3 : ไม่มีทางที่คุณจะทำเงินได้ปีละ 60,000 เหรียญ หรือเกือบ 2 ล้านบาท ทันทีที่คุณเพิ่งจบมัธยม และก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทมีรถประจำตำแหน่งพร้อมโทรศัพท์ในรถส่วนตัวด้วย
 กฎข้อที่ 4 : ถ้าคุณคิดว่า อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ก็ลองไปทำงานแล้วเจอกับเจ้านายดู แล้วคุณจะรู้ว่าอะไรน่าเหนื่อยอ่อนกว่ากัน
  กฎข้อที่ 5 : การคิดอะไรใหม่ๆไม่ใช่เรื่องผิด
  กฎข้อที่ 6 : อย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว แต่จงเรียนรู้จากสิ่งนั้น
  กฎข้อที่ 7 :  ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าบิลต่างๆ และต้องซักผ้าให้คุณ พวกเขาต้องอดทนฟังคุณคุยโอ้อวดในเรื่องไร้สาระ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะทำเรื่องใหญ่ๆ หรืออะไรก็ตาม ช่วยเก็บตู้เสื้อผ้ารกๆ ของคุณให้สะอาดซะก่อน
  กฎข้อที่ 8 : ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่า เป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง ไม่ใช่บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป แถมยังให้โอกาสคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
  กฎข้อที่ 9 : ชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ เป็นภาคการเรียนๆ ไม่ได้มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณค้นหาตัวตน!!
  กฎข้อที่ 10 : สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ ไม่ใช่ชีวิตจริง ผู้คนต้องรีบเช็คบิลจากร้านกาแฟ และตรงไปที่ทำงาน (เราจะเห็นว่าละครส่วนใหญ่คนมักจะออกจากที่ทำงานมาคุยกันที่ร้านกาแฟ)
  กฎข้อที่ 11 : จงเป็นมิตรกับความ เนิร์ดแล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครอีกคน
ข้อคิดที่ได้  : สิ่งที่เป็นแรงผลักให้ประสบความสำเร็จเป็นเพราะ มุมมองการใช้ชีวิตผู้ที่ประสบความสำเร็จจะคิดนอกกรอบไม่คิดเพียงในกรอบ และมีมุมมองที่แปลกใหม่
4.       ชื่อเรื่อง : อิชิตัน
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุด  ก็คือเรื่อง  ความคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง  ถึงแม้จะเรียนไม่สูง แต่คุณตัน มีความสามารถในการคิด ที่ระดับปริญญาเอกหลายคน ยังคิดสู้เขาไม่ได้  เขาริเริ่มสร้างธุรกิจแนวใหม่ได้อย่างน่าสนใจความรู้ที่นำมาเป็นพื้นฐานในการคิดของคุณตันนั้น  ไม่ได้มีแต่ในห้องเรียนในโรงเรียน  หรือมีแต่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น  แต่ความรู้นั้น มีอยู่ทุกหนแห่ง ความคิดและความสำเร็จของเขา มาจากการ ถามแทบทั้งสิ้น  เกือบทุกธุรกิจของเขามาจากการถาม  เป็นการเรียนลัดทางธุรกิจที่ได้ผลดียิ่ง และเวลาที่เจออุปสรรค ต้องหาแบบอย่างหรืออะไรมาให้กำลังใจตัวเอง ให้เกิดแรงสู้ขึ้นมา ใส่ใจรายละเอียดกับสิ่งที่ทำ สร้างโอกาสให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ข้อคิดที่ได้ : อุปสรรค... คือรางวัล จะประสบความสำเร็จ เพียงแค่คิดที่จะเริ่มต้น ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ดาวเด่นของการศึกษา

ดาวเด่นของการศึกษา

1. ชื่อเรื่อง สัมภาษณ์ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC
องค์ความรู้ที่ได้ 
    ประเทศไทยควรได้ผลประโยชน์มากกว่าด้านลบของการเข้าสู่ AEC เพราะประเทศไทยตั้งอยู่ตรงกลาง เป็นจุดศูนย์กลางของการกระจายสินค้า การลงทุนต่างๆ โดยประเทศไทยมีความหลากหลายที่สุด ควรได้ประโยชน์มากที่สุด แต่ต้องอาศัยการเตรียมความพร้อม การเตรียมตัว และทรัพยากรมนุษย์ โดยประเทศไทยควรปฏิรูปการศึกษา ควรพัฒนาคนในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควรคัดสรรคนมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับระบบข้าราชการให้มีประสิทธิภาพ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    คนทุกคนควรพัฒนาตนเองในทุกๆด้าน เพราะการพัฒนาไม่ใช่แค่พัฒนาเพียงวันสองวัน แต่จะต้องพัฒนาเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกับทุกๆเรื่องที่จะมาเผชิญ และยกระดับของประเทศ
ข้อคิดที่ได้
ศึกษา จุดด้อย ข้อบกพร่อง จุดแข็ง ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกลักษณะ พฤติกรรม หรือแม้แต่วิธีการทำงานของตนเอง สิ่งไหนที่มีดีอยู่แล้ว ต้องหมั่นต่อยอด พัฒนา ให้ดียิ่งขึ้น สิ่งไหนที่ เป็นจุดอ่อน จุดบกพร่องปรับปรุง ศึกษาหาความรู้ต่อเติมให้ดีกว่าเดิม
2. ชื่อเรื่อง  ประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน
องค์ความรู้ที่ได้
ประเทศที่มีคนเก่ง คนฉลาดและคนที่ปรับปรุงตัวได้เร็ว ก็จะส่งผลต่อความสำเร็จของการประกอบกิจการงานที่ซับซ้อนได้ สามารถปรับตัวกับการแข่งขันกับผู้อื่นได้เช่นกัน และยังช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งขึ้นได้เช่นกัน
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
   จะไม่ปฏิเสธการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำตนเป็นเหมือนแก้วน้ำที่ไม่เต็ม รับฟังความคิดเห็น ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีตลอดเวลา เพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง และประเทศให้ดีที่สุด
ข้อคิดที่ได้
    การเรียนรู้นำไปสู่การพัฒนา
3. ชื่อเรื่อง ดาวเด่นการศึกษาแห่งอาเซียน
องค์ความรู้ที่ได้
“ ใช้การศึกษาพัฒนาคน คุณภาพการศึกษาของประเทศสิงคโปร์อยู่อันดับ3ของโลก เนื่องด้วยอาชีพครูเป็นอาชีพที่สำคัญสำหรับสิงคโปร์ กุญแจการศึกษาของครูที่นั่นไม่ได้เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ว่าเน้นคุณธรรมกับศิลปะควบคู่กันไปด้วย สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้คนสิงคโปร์มีความกล้าแสดงออก มีความมั่นใจในตนเอง และพร้อมที่จะพัฒนาประเทศต่อไป
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    ตั้งใจพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น เพื่ออนาคตของประเทศชาติ
ข้อคิดที่ได้
    ครูสร้างคน คนสร้างอนาคตของประเทศชาติ
4. ชื่อเรื่อง   ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน ปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์
องค์ความรู้ที่ได้
พ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกเรียนเก่งๆ ได้สามารถเข้าเรียนสู่ชั้นมหาลัย จึงมีการเขี่ยวเข็นให้เด็กๆนั้นท่องจำและทำข้อสอบได้ ด้วยปราศจากความสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับงานจริง ดังนั้นเมื่อเด็กเหล่านี้เรียนหนังสือจบมา ก็ไม่สามารถนำความรู้มาใช้จริงได้ บางคนต้องทิ้งกับเสียเวลากลับไปเรียนปริญญาตรีอีกใบหนึ่ง เพื่อที่จะสอดคล้องกับงานที่อยากทำ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    การทำให้ตนเองฉลาดทางการศึกษา ไม่ควรใช้วิธีจดจำแต่ต้องใช้วิธีการทำความเข้าใจ
ข้อคิดที่ได้
    การเรียนต่อในระดับต่างๆควรคำนึงถึงงานที่จะทำ โดยคำนึงว่าเนื้อหาของการเรียนเหมาะหรือสอดคล้องกับงานที่จะทำในอนาคตหรือไม่
5. ชื่อเรื่อง   ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน ประเทศไทยอยู่ตรงไหนก็อาเซียน
องค์ความรู้ที่ได้
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคธุรกิจบนฐานความรู้ ประเทศไทยจะต้องพร้อมที่จะเดินหน้าไปยังภาคภูมิสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และสู่เวทีโลก
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    เราต้องศึกษาอย่างจริงจังเพื่อให้มีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และควรพัฒนาความสามารถของตนเองให้ถึงที่สุด
ข้อคิดที่ได้
    การศึกษาคือ เครื่องมือช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพคน
6. ชื่อเรื่อง ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน สายสัมพันธ์ไทย - ลาว ยังยืนยาว อย่างยั่งยืน
องค์ความรู้ที่ได้
    ประเทศไทยกับลาวเป็นเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน โดยมีแม่น้ำกั้นอยู่ แต่แม่น้ำไม่ใช่เป็นเพียงเส้นแบ่งเขตแดนแต่เป็นเส้นทางที่ไทยและลาวไปมาหาสู่กัน
 สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    ไม่ว่าเราจะอยู่ชาติไหนเราก็รักกันได้ ไม่ใช่ว่าเห็นคนต่างถิ่นแล้วจะไม่ชอบกัน
ข้อคิดที่ได้
    ถ้าเราร่วมมือกันมากเท่าไหร่ความสำเร็จก็ยิ่งมีมากเท่านั้น
7. ชื่อเรื่อง ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน เยือนถิ่นอิเหนา
องค์ความรู้ที่ได้
    อินโดนีเซียในบรรดาสมาชิกอาเซียนทั้งหมดอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดทั้งขนาด พื้นที่ และเศรษฐกิจ ดังนั้นอินโดนีเซียจึงเป็นประเทศในความสนใจตลอด ทั้งนี้ยังครอบครองทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก โดยประเทศอินโดนีเซียมีนโยบายในการความเจริญไปทั่วทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ประเทศนี้จึงเป็นที่น่าสนใจสำคัญๆของนักธุรกิจ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
     ได้นำความรู้เรื่องนโยบายมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานในด้านต่างๆ
ข้อคิดที่ได้
   ความเป็นธรรมนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับประเทศ
8.ชื่อเรื่อง   ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน เที่ยวฟิลิปปินส์
 องค์ความรู้ที่ได้
    ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไทยมีธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นแม่เหล็กในการดึงรายได้เข้ากลับประเทศ แต่บางครั้งหลายรีสอร์ท หลายโรงแรมก็ขาดแรงงานมีฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ชาวฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เก่งเรื่องนี้และค่าแรงก็ไม่สูงเกินไป ดังนั้นก็มีอีกกรอบความน่าเชื่อที่ทำร่วมกันได้ และหากพูดถึงเศรษฐศาสตร์และด้านอื่นๆแล้วก็ต้องรับว่า ทุกวันนี้ประชากรประมาณ100ล้านคนของฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ2ของอาเซียน และที่สำคัญชาวฟิลิปปินส์ก็กินข้าวเหมือนคนไทย
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
   สิ่งไหนที่ทำร่วมกับผู้อื่นแล้วได้ดี ก็ควรจะทำ ซึ่งสิ่งที่ทำก็ต้องได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
ข้อคิดที่ได้
    เราเห็นจุดด้อยตรงไหน ก็นำจุดด้อยและข้อบกพร่องนั้นมาพัฒนาให้เห็นเป็นจุดเด่น
 9. ชื่อเรื่อง  ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน เวียดนามเปิด เศรษฐกิจเกิด
องค์ความรู้ที่ได้
    เวียดนามเป็นประเทศที่มีสภาวะการเมืองที่มั่นคง จึงทำให้เวียดนามปฏิรูปเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจของเวียดนามขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการขยายตัวภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นและมีศักยภาพการส่งออกด้านน้ำมัน
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    การคิดสิ่งต่างๆใหม่ๆทำให้เราสามารถพัฒนาตนไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น
ข้อคิดที่ได้
    การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด อยู่ที่เราทุกคนต้องการศึกษาหาความรู้มากน้อยเพียงใด
10. ชื่อเรื่อง  ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอนจับมือกันพัฒนาทั้งไทย-พม่า  
องค์ความรู้ที่ได้
     ไทยและพม่าต่างมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งแร่ธาตุ ก๊าซธรรมชาติต่างๆ รวมไปถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม เหมาะกับการทำธุรกิจ ดังนั้นทำให้ไทยกับพม่าได้ทำความตกลงด้านเศรษฐกิจร่วมกัน จึงส่งผลให้รายได้สะพัดเข้าสู่ทั้งสองประเทศอย่างมากมาย รวมถึงสร้างรายได้ให้แก่ราษฎรตามแนวชายแดนทั้งสองประเทศ     และทำให้เศรษฐกิจระหว่างประเทศพัฒนาและเติบโตอย่างกว้างขวาง
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
   การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น จะเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต่อการทำงาน เพราะบางครั้ง เราอาจจะได้แนวคิดในการทำงานที่แตกต่างไปจากมุมมองที่เรามองอยู่ ดังนั้น เราควรลองเปิดใจให้กว้างอีกนิด ปัญหาที่คิดหัวแทบแตก อาจจะกลายเป็นเรื่องหมูๆ ไปเลยก็ได้
ข้อคิดที่ได้
     ความมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกิดจากการให้ความร่วมมือ และร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อให้เกิดผลงานที่มีคุณภาพ
 11. ชื่อเรื่อง  ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน ตอน ไทย-กัมพูชา ร่วมมือกัน
องค์ความรู้ที่ได้
    ไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่หนีกันไม่พ้น เรามีประวัติศาสตร์ร่วมกัน เรามีพรหมแดนติดกัน เราเป็นเมืองพุทธเหมือนๆกัน ผู้คนไปหาสู่และทำมาค้าขายร่วมกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไทยและกัมพูชาก็ยังถือเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่เช่นเดิม
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    ไม่ควรคิดแก้ไขในอดีต เพราะไม่มีใครแก้ไขอดีตได้ นอกจากจะเอาเวลาไปพัฒนาอนาคต
ข้อคิดที่ได้

    ไทยและกัมพูชาควรจะมองไปที่การเดินไปข้างหน้า ร่วมมือกันพัฒนามากไปกว่าการมองหาข้อขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต