วีดิโอการศึกษา
1.
ชื่อเรื่อง : ผมเกลียดโรงเรียน แต่รักการศึกษา
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ :
การศึกษาไม่ได้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว การศึกษาไม่ใช่การยัดเยีอดอะไรลงไปในสมอง
การศึกษาไม่ใช่การท่องจำข้อมูลตามตำราเพื่อให้สอบผ่าน การศึกษาเปรียบเสมือนกุญแจอาจารย์ผู้สอนไม่เคยให้นักเรียนคิดนอกกรอบหนังสือ
เมื่อคุณคิดนอกกรอบคำตอบของคุณก็จะผิด ลองหันมามองบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับต้นๆของโลกดู
พวกเขาเหล่านั้นล้วนไม่มีใครเรียนหนังสือจนจบปริญญาด้วยซ้ำ
แต่พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้เพราะพวกเขามีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
ข้อคิดที่ได้ : คนที่ประสบความสำเร็จเค้ารู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่
สามารถพัฒนาต่อยอดได้ เขาหาความรู้เข้าตัวตลอดในสิ่งที่การศึกษาไม่สามารถให้เขาได้" เวลาทุกวินาที มีค่าเสมอ"
2.
ชื่อเรื่อง : สตีฟ จ๊อบส์
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : สตีฟ จ๊อบส์ กล้าที่จะตัดสินใจ
แน่วแน่ในสิ่งที่จะทำ โดยกล่าวว่าไม่มีใครสามารถเชื่อมจุดจากปัจจุบันไปยังอนาคตได้
เราทำได้เพียงเชื่อมจากปัจจุบันไปหาอดีตเท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าอะไรที่ทำอยู่ตอนนี้จะเชื่อมไปเองในอนาคต
ต้องเชื่อมั่นในอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณ
โชคชะตาชีวิต กฎแห่งกรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ ความมั่นแบบนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
และมันทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก บางครั้งจุดที่คุณคิดว่าล้มเหลวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆ
และถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
สักวันหนึ่งคุณจะได้เป็นในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแน่นอน
ข้อคิดที่ได้ : เวลามีจำกัด
ดังนั้นอย่าทำให้มันเปล่าประโยชน์ด้วยการใช้ชีวิตของคนอื่น
อย่าตกเป็นทาสของกฎเกณฑ์ นั่นคือการใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น
อย่าปล่อยให้เสียงของทัศนคติคนอื่นดังกลบเสียงของหัวใจของเราเอง
และที่สำคัญที่สุดคือ จงมีความกล้าที่จะเดินตามสิ่งที่หัวใจและสัญชาตญาณเรียกร้อง
เพราะสองสิ่งนี้รู้อยู่แล้วว่าคุณอยากเป็นอะไร ทุกอย่างที่เหลือเป็นเรื่องรองลงมาทั้งนั้น
3.
ชื่อเรื่อง : บิล เกตต์
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : 11
สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ
กฎข้อที่ 1 : ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก
ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ!
กฎข้อที่ 2: โลกไม่ได้สนใจหรอกว่าคุณมั่นใจในตัวเองแค่ไหน
แต่โลกนี้คาดหวัง “ความสำเร็จ” ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก
กฎข้อที่ 3 : ไม่มีทางที่คุณจะทำเงินได้ปีละ
60,000 เหรียญ หรือเกือบ 2 ล้านบาท ทันทีที่คุณเพิ่งจบมัธยม
และก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทมีรถประจำตำแหน่งพร้อมโทรศัพท์ในรถส่วนตัวด้วย
กฎข้อที่ 4 : ถ้าคุณคิดว่า
อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ก็ลองไปทำงานแล้วเจอกับเจ้านายดู แล้วคุณจะรู้ว่าอะไรน่าเหนื่อยอ่อนกว่ากัน
กฎข้อที่ 5 :
การคิดอะไรใหม่ๆไม่ใช่เรื่องผิด
กฎข้อที่ 6 :
อย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว แต่จงเรียนรู้จากสิ่งนั้น
กฎข้อที่ 7 : ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้
พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าบิลต่างๆ และต้องซักผ้าให้คุณ
พวกเขาต้องอดทนฟังคุณคุยโอ้อวดในเรื่องไร้สาระ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะทำเรื่องใหญ่ๆ
หรืออะไรก็ตาม ช่วยเก็บตู้เสื้อผ้ารกๆ ของคุณให้สะอาดซะก่อน
กฎข้อที่ 8 : ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่า
เป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง “ไม่ใช่”
บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป
แถมยังให้โอกาสคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
กฎข้อที่ 9 : ชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ
เป็นภาคการเรียนๆ ไม่ได้มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณค้นหาตัวตน!!
กฎข้อที่ 10 : สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์
ไม่ใช่ชีวิตจริง ผู้คนต้องรีบเช็คบิลจากร้านกาแฟ และตรงไปที่ทำงาน
(เราจะเห็นว่าละครส่วนใหญ่คนมักจะออกจากที่ทำงานมาคุยกันที่ร้านกาแฟ)
กฎข้อที่ 11 : จงเป็นมิตรกับความ “เนิร์ด” แล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครอีกคน
ข้อคิดที่ได้ : สิ่งที่เป็นแรงผลักให้ประสบความสำเร็จเป็นเพราะ
“มุมมองการใช้ชีวิต” ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะคิดนอกกรอบไม่คิดเพียงในกรอบ
และมีมุมมองที่แปลกใหม่
4.
ชื่อเรื่อง : อิชิตัน
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ : สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุด
ก็คือเรื่อง ความคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ถึงแม้จะเรียนไม่สูง แต่คุณตัน
มีความสามารถในการคิด ที่ระดับปริญญาเอกหลายคน ยังคิดสู้เขาไม่ได้ เขาริเริ่มสร้างธุรกิจแนวใหม่ได้อย่างน่าสนใจความรู้ที่นำมาเป็นพื้นฐานในการคิดของคุณตันนั้น
ไม่ได้มีแต่ในห้องเรียนในโรงเรียน หรือมีแต่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
แต่ความรู้นั้น มีอยู่ทุกหนแห่ง ความคิดและความสำเร็จของเขา มาจากการ “ถาม” แทบทั้งสิ้น
เกือบทุกธุรกิจของเขามาจากการถาม
เป็นการเรียนลัดทางธุรกิจที่ได้ผลดียิ่ง และเวลาที่เจออุปสรรค
ต้องหาแบบอย่างหรืออะไรมาให้กำลังใจตัวเอง ให้เกิดแรงสู้ขึ้นมา
ใส่ใจรายละเอียดกับสิ่งที่ทำ สร้างโอกาสให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ข้อคิดที่ได้ : อุปสรรค... คือรางวัล จะประสบความสำเร็จ
เพียงแค่คิดที่จะเริ่มต้น ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น